ที่มา : http://www.youtube.com/watch?v=Ba9LXKH2ztU
การแบ่งเซลล์แบบ Meiosis – cell division
ที่มา : http://www.youtube.com/watch?v=kVMb4Js99tA
การแบ่งเซลล์แบบ Mitosis
ที่มา : http://www.youtube.com/watch?v=C6hn3sA0ip0
Sex Determination: More Complicated Than You Thought
ที่มา : http://www.youtube.com/watch?v=kMWxuF9YW38&feature=player_embedded
DNA Replication Process
ที่มา : http://www.youtube.com/watch?v=teV62zrm2P0
DNA Replication
ที่มา : http://www.youtube.com/watch?v=J2BzrA5IWtY
โครงสร้าง DNA
ที่มา : http://www.youtube.com/watch?v=LbY5MWkxvKA
มิวเทชัน
ที่มา : http://www.youtube.com/watch?v=LA2YbE0XKvk
ยีนบำบัดรักษามะเร็ง
การปฏิวัติการวินิจฉัยและการรักษาโรคมะเร็ง
เมื่อปี ค.ศ. 2006 มีความยิ่งใหญ่ที่สุดของการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงโฉมหน้าการดูแลรักษาโรคของมนุษย์ไปตลอดกาล นั่นคือความสำเร็จของโครงการศึกษาเรื่องการถอดรหัสดีเอ็นเอของมนุษย์ ทำให้สามารถทราบถึงรหัสดีเอ็นเอของยีนทุกยีนของมนุษยชาติโรคภัยไข้เจ็บของมนุษย์ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากความผิดปกติของยีนในเซลล์และความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคมะเร็งที่เป็นมหันตภัยเงียบที่คร่าชีวิตมนุษย์ทั่วโลกมากมายนั้น มีสาเหตุมาจากการกลายพันธุ์ของยีนที่อยู่ภายในเซลล์มะเร็ง
ผลจากกการรู้จักยีนทุกยีนในร่างกายมนุษย์ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญพื้นฐานของการเกิดโรคต่างๆในมนุษย์ ทำให้เกิดการปฏิวัติทางการแพทย์เข้าสู่ยุคของการแพทย์โมเลกุล (Molecular Medicine) ซึ่งจะทำให้การป้องกันและรักษาโรคต่างๆ มีประสิทธิภาพและผลข้างเคียงลดน้อยลง นอกจากนี้ยังเปลี่ยนโฉมการวินิจฉัยโรคต่างๆ โดยสามารถวินิจฉัยโรคได้ตั้งแต่ยังไม่เกิดโรค และเกิดการผลิตยาที่ออกฤทธิ์ตรงตามเป้าหมายและกลไกการเกิดโรค สามารถทำนายผลข้างเคียงต่อยาได้อย่างแม่นยำ
การวินิจฉัยโรคมะเร็งระดับโมเลกุล (Molecular Diagnosis Cancer) ทำให้การวินิจฉัยโรคมะเร็งมีความไวสูง เช่น
– การตรวจทางโมเลกุลด้วยเทคนิคพีซีอาร์ (ย่อมาจาก Polymerase Chain Reaction) สามารถตรวจเซลล์มะเร็งหนึ่งเซลล์ที่ปะปนในเซลล์ปกติหนึ่งล้านได้
– การพัฒนาเทคโนโลยีในการตรวจยีนจำนวนหลายพันยีน โดยอาศัยแผ่นตรวจขนาดเท่าซิมการ์ดของโทรศัพท์มือถือที่เรียกว่า ไมโครอาเรย์ (Microarray) สามารถตรวจค้นยีนผิดปกติจำนวนมากในการตรวจเพียงครั้งเดียวได้ โดยปรากฏผลบวกของการตรวจเป็นจุดเล็กๆ เท่าอณู ซึ่งต้องวิเคราะห์ต่อด้วยคอมพิวเตอร์
– สามารถประเมินความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งในคนปกติได้เรียกว่า การคัดกรองมะเร็งระดับโมเลกุล (Molecular Screening) ในปัจจุบันนี้เราสามารถตรวจแบ่งแยกโรคมะเร็งตามลักษณะของยีนที่ผิดปกติเรียกว่า การแบ่งแยกชนิดของโรคมะเร็งระดับโมเลกุล (Molecular Classification) ทำให้สามารถตรวจค้นวินิจฉัยและรู้จักโรคมะเร็งอย่างลึกซึ้งอย่างที่ไม่เคยทราบมาก่อนในอดีต และการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งระดับโมเลกุลทำได้แล้วในบ้านเรา
ยีนบำบัด (Gene Therapy)
เป็นการนำยีนภายนอกใส่เข้าไปในเซลล์ที่ขาดยีนนั้นหรือยีนผิดปกติที่ก่อให้เกิดโรค เช่น มะเร็งบางชนิดมียีนต้านมะเร็งชื่อพี 53 ผิดปกติ การใส่ยีนพี 53 ปกติฉีดเข้าไปในเซลล์มะเร็งของศีรษะและคอสามารถทำให้ก้อนมะเร็งฝ่อลงได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังอาจนำยีนบำบัดโรคใส่ในเซลล์ภูมิคุ้มกันเพื่อให้ไปทำลายเซลล์มะเร็งได้ เช่น นำเซลล์ภูมิคุ้มกันที่ทำหน้าที่ทำลายเซลล์มะเร็งเรียกว่า Natural Killer Cell หรือ NK Cell โดยแยกจากเลือดของผู้ป่วย นำมาเลี้ยงกระตุ้นให้แข็งแรงเพิ่มปริมาณมากขึ้นและฉีดกลับเข้าไปในตัวผู้ป่วยมะเร็งเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งในร่างกาย สามารถใส่ยีนที่สร้างภูมิคุ้มกันเข้าไปในเซลล์ดังกล่าว เพื่อเสริมฤทธิ์การทำลายเซลล์มะเร็ง ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้สามารถทำได้ในประเทศไทยแล้วในขณะนี้
ที่มา:http://www.feidathai.com/index.php?name=knowledge&file=readknowledge&id=164
นักวิทย์ฯ เผยค้นพบยีนที่เกี่ยวกับการผลิตสเปิร์ม
ทีมนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันทางการแพทย์ Howard Hughes พบว่าหากยีน Jhdma2a ผิดปกติจะทำให้เป็นหมันครับจากการศึกษาพบว่าหนูที่ขาดยีนนี้จะเป็นหมัน และผลิตสเปิร์มที่ผิดปกติออกมาน้อย ผู้เชี่ยวชาญด้านความสมบูรณ์พันธุ์จากอังกฤษกล่าวว่าการศึกษานี้อาจช่วยให้เข้าใจว่าเหตุใดชายบางคนจึงไม่สามารถมีบุตรได้ เนื่องจากสาเหตุที่ทำให้ชายจำนวนมากเป็นหมันนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด ผู้ชายที่ไม่สามารถมีบุตรได้บางพวกมีสเปิร์มรูปร่างผิดปกติ หรือมีสเปิร์มน้อยกว่าปกติ นักวิทยาศาสตร์บางกลุ่มก็เชื่อว่ายีนน่าจะเกี่ยวข้องกับความผิดปกตินี้
ทีมจาก Howard Hughes เชื่อว่ายีนที่ว่านี้มีความสำคัญกับกระบวนการ “spermiogenesis” ซึ่งทำให้ดีเอ็นเอที่หัวสเปิร์มอัดกันแน่นเข้าจนพร้อมที่จะเจาะเข้าไปในเปลือกชั้นนอกของเซลล์ไข่เพื่อกำเนิดเป็นเอ็มบริโ อเพื่อทดสอบว่ายีน Jhdma2a มีผลกับการผลิตสเปิร์มหรือไม่พวกเค้าได้ทำการเพาะพันธุ์หนูที่ปราศจากยีนนี้ครับ ผลปรากฏว่าหนูเหล่านี้มีอัณฑะเล็กผิดปกติ จำนวนสเปิร์มที่นับได้ต่ำ และไม่สามารถมีลูกได้ครับ นอกจากนั้นสเปิร์มน้อยนิดที่ได้จากหนูเหล่านี้มีหัวและหางที่ผิดปกติทำให้สเปิร์มเคลื่อนไหวไม่ได้ครับ จากการส่องผ่านกล้องจุลทรรศน์ดูสเปิร์มที่ถูกย้อมสีนั้นพบว่าดีเอ็นเอที่หัวสเปิร์มไม่มีการรวมตัวอัดแน่นเหมือนสเปิร์มทั่วไป ดร. Yi Zhang ผู้นำทีมวิจัยกล่าวว่า ความผิดปกติจากยีนนี้อาจทำให้เป็นหมันได้ เนื่องจากยีนนี้มีผลต่อพัฒนาการของสเปิร์ม ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการรักษาผู้ที่เป็นหมันโดยไม่ส่งผลต่ออวัยวะใด ๆ ในร่างกาย อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีการพิสูจน์ออกมาแล้วว่ายีนนี้มีความสำคัญในหนู แต่สำหรับมนุษย์อาจไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้ ขณะนี้นักวิทยาศาสตร์จึงทำการตรวจสอบดีเอ็นเอของชายที่เป็นหมันว่ามีความผิดปกติอย่างไรบ้าง ดร. Allan Pacey อาจารย์ประจำวิชาฮอร์โมนสืบพันธุ์จากมหาวิทยาลัย Sheffield และเลขานุการ British Fertility Society กล่าวว่านักวิทยาศาสตร์ยังไม่ค่อยเข้าใจการทำงานของยีนนี้สักเท่าไรนักเนื่องจากกระบวนการที่จะทำให้ดีเอ็นเออัดแน่นในหัวสเปิร์มค่อนข้างจะเป็นเรื่องจำเพาะเจาะจง อย่างไรก็ตามน่าจะมีการทดลองในคนเพื่อจะได้เข้าใจว่าเหตุใดบางคนจึงเป็นหมัน
ที่มา: